9 เคล็ดลับในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

Nanosoft Article : บทความทางธุรกิจ

ความสำเร็จ เป็นสิ่งสำคัญที่บรรดานักบริหารตัวยงต่างไขว่คว้า แต่การประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเองกลับเป็นสิ่งที่ท้าทายกว่า เพราะจะได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง อีกทั้งนำพามาซึ่งเกียรติยศที่จะได้รับการกล่าวถึงไปอีกนาน
กิจการจะมั่นคงได้ต้องมาจากรากฐานที่มั่นคงที่ผู้ประกอบการเป็นผู้สร้างขึ้น
หลายคนมักจะตีความและคิดกันไปเองว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ต้องอาศัยและพึ่งการอุปถัมภ์ค้ำชูจากภายนอกเสมอไป ซึ่งสำหรับยุคปัจจุบันนี้ทฤษฏีดังกล่าวได้ถูกหักล้างความเชื่อในเรื่องนี้ไป ได้มากพอสมควรแล้ว เพราะการสร้างธุรกิจใหม่ให้เจริญเติบโตและประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้อง อาศัยแรงบวกจากภายนอกแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวของผู้ประกอบการเอง โดยเคล็ดลับ 9 วิธีสร้างความสำเร็จด้วยตนเองมีดังต่อไปนี้

1. มุ่งไปที่กระแสเงินสด กำไรเป็นเรื่องรอง
นักธุรกิจมักจะถูกสอนให้คิดในเรื่องของกำไรต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งจริงๆแล้วควรลองเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่และมุ่งสนใจไปที่กระแสเงินสดหมุน เวียนภายในบริษัทแทน อย่าลืมว่าต้องใช้เงินสดจ่ายบิล ถ้า เกิดมียอดเงินหมุนเวียนอยู่ภายในบริษัทตลอดและมีการจ่ายชำระหนี้ตรงตามเวลา พยายามให้มีการเรียกเก็บเงินระยะสั้นๆ ปิดยอดได้ไวๆ เมื่อนั้นก็จะได้ผลกำไรตอบแทนกลับมาเอง

2. ประมาณการความต้องการและกำลังผลิตอย่างต่ำ
ผู้ประกอบการต้องทำการประเมินแนวโน้มความต้องการของตลาดเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา จากนั้นจึงทำการกำหนดสัดส่วนความต้องการของธุรกิจบริษัท เช่น ถ้าบริษัทผลิตเกี่ยวกับเครื่องสำอางสตรีที่กลุ่มตลาดเป้าหมายที่ใช้เป็น ประจำอยู่ที่ 1 ล้านคน ประมาณการส่วนแบ่งการตลาดขั้นต่ำที่ต้องการได้คือ 10% นั่นหมายถึง 100,000 คน แล้วนำมาคิดด้วยกำลังการผลิตขั้นต่ำของทางบริษัทว่าสามารถทำได้อย่างน้อยกี่ ชิ้้นต่อวันแล้วนำไปหักลบกันให้เรียบร้อยเพื่อหากำลังการผลิตว่าสามารถตอบ สนองได้หรือไม่นั่นเอง

3. วางแผนการทดสอบ
ผลิตภัณฑ์ที่ดีต้องมีการ ทดสอบอย่างรอบด้าน ผู้ประกอบการควรออกแบบสร้างแผนทดสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทตนเองโดยเริ่มทดสอบใน ส่วนของคุณสมบัติส่วนตัวและแนวทางการจัดวางจำหน่ายเพื่อจะหาวิธีที่ดีที่สุด ในการทำตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจจะเลือกจากจุดเด่นที่ได้มาจากการทดสอบนำมาเป็นแผนแม่บทในการพัฒนาก็ได้

4. ผลิตภัณฑ์สามารถพิสูจน์และยอมรับได้จริง
เป็นเรื่องสำคัญที่ ผลิตภัณฑ์ที่จะนำออกวางจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคนั้น จะต้องสามารถพิสูจน์ได้จริงในเชิงประจักษ์โดยผ่านการทดสอบจากทีมงานผู้ เชี่ยวชาญเสียก่อน นอกจากนี้การยอมรับจากสถาบันวิจัยสำคัญยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการของผู้ประกอบการอีกด้วย

5. เริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจบริการ
ธุรกิจบริการจะมีข้อดีตรง ที่สามารถรับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคได้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องของข้อมูลข่าวสารอย่างมหาศาล โดยผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลดังกล่าวพัฒนาออกมาเป็นตัวผลิตภัณฑ์ที่ตรงตาม ความต้องการของผู้ใช้งานได้ เช่น บริษัทที่ผลิตแชมพูสระผมบางส่วนก็มีที่มาจากการเป็นร้านให้บริการในเรื่องการตัดแต่งและสระผมมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น

6. มุ่งเน้นไปที่ประโยชน์การใช้งานไม่ใช่รูปแบบ
ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าก็ ต่อเมื่อมันสามารถตอบสนองต่อความต้องการของเขาได้จริงๆไม่ใช่มองแค่รูป ลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ดังนั้นการมุ่งพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มตลาด เป้าหมาย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอันจะทำให้ธุรกิจของผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้ เป็นกอบเป็นกำกลับคืนมาสู่ธุรกิจของบริษัทภายในเวลาอันรวดเร็ว

7. จัดหาพนักงานให้เพียงพอ
บ่อยครั้งที่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจากการทำธุรกิจค่อนข้างที่จะน่าผิดหวัง เพราะมีที่มาจากจำนวนพนักงานที่ไม่เพียงพอบวกกับไม่มีความรู้ความสามารถโดย ตรงกับงานที่กำหนดไว้ ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องจัดหาพนักงานที่มีความรู้ และมีจำนวนพนักงานที่เพียงพอสำหรับรองรับการทำงานที่พร้อมจะเติบโตต่อไปในอนาคตด้วย

8. ใช้วิธีขายตรงเป็นตัวเบิกทาง
การขายตรงเป็นวิธีการค้า ขายที่เก่าแก่มากที่สุดในโลก ควรทดลองใช้วิธีดังกล่าวเป็นอันดับแรกในการทำตลาด เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถสัมผัสได้อย่างแท้จริงถึงปัญหาของผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับจากกระแสตอบรับของผู้บริโภคโดยตรง และยังเป็นการตัดขั้นตอนในส่วนของพ่อค้าคนกลางที่เรียกรับผลประโยชน์ออกไป จึงทำให้ผู้ประกอบการได้กำไรที่เพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้การค้าขายผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า E Commerce ก็เป็นวิธีการขายตรงรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจอยู่มิใช่น้อยในปัจจุบัน

9. จัดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในตลาด
ถ้าผู้ประกอบการสามารถจัด อันดับตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทตนเองได้นั่นจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำ ธุรกิจ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับสถานะของตน เช่น ลูกค้าที่มีรายได้ต่างกันก็จะเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาต่างกัน เป็นต้น ดังนั้นการจัดตำแหน่งผลิตภัณฑ์จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการสมควรจะต้องพึง กระทำเพราะจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ขายได้ง่ายและในเวลาที่รวดเร็วมากขึ้นนั่นเอง

ต่อให้ธุรกิจของผู้ ประกอบการจะมีผู้อุปถัมภ์ค้ำชูที่ยอดเยี่ยมสักเพียงใดก็ตาม ที่สุดแล้วธุรกิจของผู้ประกอบการจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องยืนอยู่บนลำแข้ง ของตัวเองให้ได้เสียก่อน เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงคงไม่มีใครที่จะคอยสนับสนุนธุรกิจอื่นๆไปได้โดย ตลอดอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องเป็นผู้สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับกิจการนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก incquity.com