เจ้าของกิจการเริ่มต้นอย่างไร

Nanosoft Article : บทความทางธุรกิจ

อยากเป็นเจ้าของกิจการ จะเริ่มต้นอย่างไรดี ? เริ่มต้นแล้วแต่ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ จะทำอย่างไรดี ? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามยอดนิยมที่ผมได้รับอยู่เสมอจากผู้อ่านที่ส่ง E-mail มาคุยกับผม 2-3 ครั้ง เพื่อขอคำปรึกษาผมเองก็ติดค้างอยู่นานและคิดว่าคำถามน่าจะเป็นปัญหา เดียวกันกับผู้อ่านหลายๆท่านที่กำลังคิดเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง ผมเลยขอดึงเอาคำถามของคุณประเวทย์มาตอบก็แล้วกันครับ


“ผมเองอยากมีกิจการของตัวเอง” แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม เพราะยังเรียนไม่จบปริญญาตรี ผมเรียนจบอนุปริญญาทางบัญชี อยากทำงาน และเรียนควบคู่กันไปด้วย (เรียนภาคค่ำ) แต่ทางครอบครัวอยากให้เรียนอย่างเดียวผมวางแผนว่าจะต้องสมัครงานเพื่อหาเลี้ยงชีพก่อนและอยากมีกิจการเล็ก ๆ โดยเริ่มจากการรับสินค้ามาขายโดยใช้เงินลงทุนไม่มากนักสินค้าที่ผมสนใจคือ เต้าหู้นมสด บ้านเมจิที่นครปฐม ที่เคยออกรายการสู้แล้วรวยนอกจากนี้ผมยังสนใจ สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์บางอย่างอยู่ด้วย

สินค้าบางอย่างที่ผมคิดว่าดี น่าสนใจ คิดว่าขายได้ เอาเข้าจริงกลับขายไม่ดีอย่างที่คิด อย่างนี้เราต้องยอมรับความเสี่ยงตั้งแต่แรกเลยหรือครับ เราควรทำอย่างไรดี ต้องสำรวจตลาดด้วยหรือไม่ สำรวจยอดขายของตัวแทนจำหน่ายเจ้าอื่น และสินค้าคู่แข่งหรือไม่ อาจารย์ช่วยชี้แนะด้วย จริง ๆ แล้วผมมีไอเดีย และสร้างสินค้าใหม่ ๆ ขึ้นมาเองด้วย แต่คงไม่มีทุนรอนพอ เป็นคำถามที่ยาวและมีหลายประเด็นอยู่ด้วยกัน ผมขอสรุปคำตอบแยกเป็นประเด็นนะครับ

1. ที่บอกว่ายังเรียนไม่จบปริญญาตรี อยากทำงานและเรียนควบคู่กันไปด้วยแต่ครอบครัว
อยากให้เรียนอย่างเดียว ในความเห็นของผมนั้น ถ้าคุณประเวทย์หางานทำในลักษณะเป็นลูกจ้างหรือพนักงานบริษัท ทำได้แล้วมาเรียนภาคค่ำก็น่าจะดี เพราะอย่างน้อยก็ยังมีรายได้เอามาจับจ่ายใช้สอย ถ้ายังคิดจะเรียนต่อให้จบปริญญาตรีก็ยังไม่น่าลงมาทำธุรกิจเองเต็มตัว เพราะการเป็นเจ้าของกิจการแบบเริ่มต้นสร้างด้วยตนเอง ไม่ได้รับมรดกธุรกิจจากครอบครัวนั้น ในช่วงแรก ๆ ต้องทุ่มทุนมาก ถ้าเรียนไปด้วยอาจจะไม่ดีทั้ง 2 อย่าง อีกทั้งจะต้องเรียนต่อวันนี้ค่าเทอมก็ไม่ใช่จะถูกนัก ถ้าเรียนแล้วต้องเลิกระหว่างทางก็เสียเงินฟรี

ส่วนที่ว่าทางบ้านอยากให้เรียนให้จบนั้นก็ดีไปอีกอย่าง ถ้าทางบ้านไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน เรียนให้จบรวดเร็วและค่อยทำงานก็จะช่วยให้โอกาสเรียนจบง่ายขึ้น เร็วขึ้น ยิ่งเรียนสูงยิ่งมีโอกาสพบเพื่อน ๆ ที่มีโอกาสทางสังคมสูง ทั้งในด้านการเงินและตำแหน่งงาน เมื่อจบแล้วเราออกมาทำธุรกิจเองเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนเหล่านี้อาจจะเป็นเครือข่าย ที่จะช่วยสนับสนุนหรือเปิดโอกาสทางธุรกิจให้เราในอนาคต จะว่าไปแล้วโครงการ MBA , Mini-MBA ในหลายมหาวิทยาลัยจะพบคนที่จบปริญญาโทหรือปริญญาเอก เข้ามาอยู่จำนวนไม่น้อย กลุ่มนี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องวุฒิการศึกษาแล้วแต่จะมาเรียนเพื่อเพิ่มสายสัมพันธ์ทางธุรกิจซึ่งจำเป็นในการทำงาน สรุปว่า ถ้าคุณประเวทย์คิดว่าเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยแล้วเราสู้ไหว (หมายถึงเรียนเก่ง หัวไว ขยัน) ก็เอาเลยครับแต่ถ้าผลการเรียนที่ผ่านมาไม่สู้ดีแล้วละก็ เรียนให้จบแล้วค่อยมาทำงานดีกว่า

2. เรื่องการทำธุรกิจขนาดเล็ก ๆ รับเต้าหู้นมสด หรือสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์มาขายนั้น
ผมคิดว่าสิ่งที่คุณประเวทย์ทำน่าจะถือได้ว่าเป็นอาชีพเสริมมากกว่าจะเป็นธุรกิจ SMEs ที่เลี้ยงตัวเองได้จริงจังเพราะสินค้าเหล่านี้หาซื้อง่าย การแข่งขันสูง การไปรับเขามาและวิ่งหาร้านฝากขาย เราได้ส่วนต่างเป็นกำไรไม่มากนัก นอกเสียจากว่าเราหาตลาดหรือร้านค้าที่รับขายสินค้าของเราได้มากๆ แล้ววันหนึ่งเราผลิตน้ำเต้าหู้นมสด ออกมาขายเอง ก็จะเพิ่มกำไรได้อีกทางหนึ่ง และอาจเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวได้ แต่ก็ไม่ง่ายนักนะครับเพราะธุรกิจนี้มีผู้ผลิต ผู้ขายจำนวนมาก สุดท้ายจะเป็นเหมือนเครปญี่ปุ่น หรือตู้ถ่ายสติ๊กเกอร์ ที่เคยฮิตอยู่พักหนึ่ง ที่ร้านทำธุรกิจนี้เต็มไปหมด ตัดราคากันจนกำไรหมด ตลาดอิ่มตัวจนเดียวนี้เหลือกันไม่กี่เจ้า

ผมคิดว่า อีกทางหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคุณประเวทย์ ในการเริ่มต้นธุรกิจแบบไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนัก คือการเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของธุรกิจขายตรง จะเป็นการซื้อแบบชิ้นเดียวหรือแบบหลายชิ้น ในกลุ่มอาหารเสริม เครื่องสำอางหรืออื่น ๆ ก็สุดแล้วแต่ที่เราสนใจ แต่เราก็เลือกบริษัทโตที่น่าเชื่อถือหน่อยนะครับ การเข้ามาในธุรกิจขายตรงเราจะได้รับการอบรมเทคนิคการขายและการทำธุรกิจฟรีหรือเสียเงินน้อยและยังเป็นการฝึกขายฝึกขยายตลาดและได้เรียนรู้ระบบการทำงานจริง ๆ ซึ่งเมื่อวันที่เรามีเงินทุนและประสบการณ์พร้อมจะออกมาทำธุรกิจของเราเอง ประสบการณ์และความรู้สึกที่จะได้ช่วยให้ธุรกิจของเรามีความล้มเหลวต่ำกว่าคนที่ไม่เคยลงมือขายเอง ผมเองเชื่อว่าประสบการณ์ในธุรกิจขายตรงเป็นเครื่องเชื่อมหรือสนามฝึกงานในการเตรียมตัวออกจากโลกของลูกจ้างมาอยู่ในโลกของเจ้าของกิจการ

3. ที่ถามว่าในการรับสินค้ามาขายเราต้องสำรวจตลาด ก่อนหรือไม่ คำตอบคือ ถ้าสำรวจตลาดก่อนได้
ย่อมเป็นการดีกว่าแน่นอน อย่างเต้าหู้นมสดน่าจะขายได้ดีในกลุ่มผู้หญิงที่ทำงานตามสำนักงานมากกว่าตามโรงงาน ถ้าร้านที่เราไปฝากขายอยู่ในทำเลที่ มีคนกลุ่มนี้มาก ๆ ก็น่าจะขายดี แต่ถ้าขายประเภทเครื่องจักรสานของโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล ร้านที่น่าจะขายได้ก็น่าจะอยู่ในย่านสำนักงาน ส่วนราชการหรือ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่กันมากและเราต้องสำรวจคู่แข่งของเราด้วยว่าในย่านนั้นมีใครขายสินค้าแบบเดียวกับเราไหม ถ้ามีก็ชื้อมาทดลองชิมแล้วตอบตัวเองอย่างไม่โกหก ว่าของใครดีกว่า ของใครถูกกว่า ถ้าคิดว่าของเราดีกว่าก็มีโอกาสลุยต่อ แต่ถ้าตรงกันข้ามก็ถอยดีกว่าครับ

4. เรื่องไอเดียใหม่ ๆ ที่คิดจะสร้างสินค้า ใหม่ ๆ ขึ้นเอง ถ้าไอเดียดีเป็นที่ต้องการของตลาดก็ทำเป็นธุรกิจได้ครับ แต่คงต้องเขียนเข้ามาบอกทีที่ว่าเป็นอะไร มีหลายไอเดียที่เจ้าของความคิดเห็น ว่าดีแต่ตลาดอาจไม่สนใจก็ได้

** คัดลอกบางส่วนมาจากหนังสือ " Small but work " โดย รศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล ISBN 974-8254-93-3