จัดหน้าร้านอย่างไรให้ขายดี

Nanosoft Article : บทความทางธุรกิจ

ทำไมคนไม่เข้าร้านผม ? แปลกดีนะครับ บ่นกันจัง... อุตส่าห์ลงทุนเปิดร้านขายของ คิดว่าจะรุ่งให้สวนกระแส “ไอเอ็มเอฟ” เสียหน่อย แต่ผลออกมาว่าตั้งแต่เปิดร้านมานี่ ยังไม่ค่อยมีคนเดินเข้ามาซื้อของจากร้าน
เท่าไหร่เลยที่จริงแล้วเรามีหลักเบื้องต้นสำหรับการเปิดร้านล่ะครับที่จริงแล้วเรามีหลักเบื้องต้นสำหรับการเปิดร้านล่ะครับ
- เลือกทำเลที่ตั้งของร้านให้เหมาะ
- จัดหน้าร้านให้น่าสนใจ สามารถดึงดูดให้ผู้คนที่ผ่านไปมาแวะเข้ามาชม สินค้าที่ร้านได้
- ตั้งราคาสินค้าให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า
การเลือกทำเลที่ตั้งของร้านค้าให้เหมาะนั้นมักจะพูดง่าย แต่เวลาลงมือเลือกจริง ๆ แล้ว ค่อนข้างจะต้องถี่ถ้วนสักหน่อยครับ ทั่ว ๆ ไปที่จะต้องดูเบื้องต้นก็คือ บริเวณนั้นมีผู้คนเดินผ่านไปมามากหรือไม่ในแต่ละวัน และในจำนวนนั้นมีกลุ่มที่น่าจะเป็นลูกค้าของเราหรือเปล่า ถ้าดูแล้วไม่แน่ใจก็ต้องดูหลายวันหน่อยนะครับ จะลงทุนทั้งที โดยเฉพาะคนบางคนซึ่งจะได้รับพระคุณจากบริษัทที่เคยทำงานอยู่ ท่านช่วยจ่ายเงินเดือนให้ทีละสิบเดือนเพื่อให้เอามาลุงทุนเป็นเจ้าของกิจการเอง ยิ่งน่าจะดูให้ละเอียด สินค้าที่กะว่าจะขายต้องเลือกให้ดี ให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้คนที่จะเดินผ่านไปผ่านมา แต่ว่าต้องให้ลูกค้าเขามีโอกาสจอดรถหรือหรือเดินเข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้ด้วนะครับบางท่านเปิดร้านอยู่ข้าง ๆ ทางด่วนแล้วมาบ่นว่าไม่มีใครจอดซื้อของเลย โธ่! ถ้าหากมีล่ะก็เป็นเรื่องโจ๊กแล้วละครับ

เส้นทางที่ผู้คนกำลังจะกลับบ้าน หรือว่าเป็นเส้นทางที่กำลังจะไปทำงานต้องเลือกสินค้าขายให้เหมาะกันกับสภาพของผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาด้วยนะครับว่าจะไปทำงานตอนเช้า ๆ ล่ะก็ แถว ๆ ป้ายรถเมล์ คงจะมีประเภทไทยฟาสท์ฟู๊ดนั้นล่ะครับที่ขายดี เช่นหมูปิ้งข้าวเหนียว ขนมครก ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ โจ๊ก กาแฟ ไข่ลวก ฯลฯ ส่วนทางกลับก็น่าจะเป็นประเภทกับข้าวสำเร็จรูป เครื่องอุปโภคบริโภค ที่ซื้อกลับไปบริโภคที่บ้าน หรืออาจจะเป็นภัตตราคาร ร้านอาหารเย็น ที่มีเวลานั่งนาน ๆ ได้ ร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าหรือประเภทดิสเคานท์สโตร์ส่วนใหญ่มักจะอยู่ตามเส้นทางกลับบ้านกันทั้งนั้นครับ (ส่วนจะดูว่าทางไหนกลับบ้าน ทางไหนไปทำงาน ก็ให้ดูจากย่านธุรกิจกลางเมืองออกมาแล้วกันครับ) บางคนมีรถเข็นขายน้ำเต้าหู้คันเดียวตั้งอยู่ในจุดทำเลที่ดี แล้วยังช่างเจรจา ขายราคาพอเหมาะ ก็สามารถทำกำไรให้ได้เดือนละกว่าห้าหมื่นบาทเชียวครับ

คราวนี้มาถึงเรื่องการจัดหน้าร้านให้เหมาะสม เรื่องนี้บางคนบอกว่า “ผมจัดวางสินค้าเต็มหน้าร้านไปหมดแล้ว ทำไมไม่มีคนมาซื้อของเลย” ก็นั้นล่ะครับคุณท่านเล่นวางสินค้าจนไม่มีทางเดินเข้ามาซื้อของในร้านน่ะสิครับ ของที่วางโชว์ให้เห็นหน้าร้าน ควรจะเลือกเอาเฉพาะตัวที่เป็นชูโรง ได้หน่อยก็พอ มิฉะนั้น ร้านที่ขายเครื่องสุขภัณฑ์ทั้งหลายคงเลือกเอาอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า โถปัสสาวะ ชักโครก ฯลฯ มาวางโชว์สลอนอยู่หน้าร้านเต็มไปหมด ถ้าคุณเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง หน้าร้านควรมีการวางโชว์เนื้อสัตว์และผักสดต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้เห็นถึงความหลากหลาย และ ความสดสะอาดของส่วนประกอบที่จะนำมาปรุงเป็นอาหาร ป้ายชื่อร้านจะต้องเด่นสะดุดตาและสามารถสื่อถึงได้ทันที ว่าที่เรากำลังเปิดร้านทำอะไรอยู่ เช่น “ก๋วยเตี๋ยวเรือนายเจ่ง” หรือ “หมูสะเต๊ะยายแจ๋ว” เป็นต้น บางร้านอาจมีสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ครกไม้ใบใหญ่มหึมา สำหรับร้าน “ส้มตำครกหลวง” หรือมีตุ๊กตาตัวเท่าคนเป็นรูปต่าง ๆ เพื่อสื่อถึงความเป็นมาของร้านนั้น ๆ

ถ้าร้านของคุณไปเปิดอยู่ในศูนย์การค้า ก็จงพยายามให้มีจุดดึงดูดสายตาของลูกค้าให้อยากเดินเข้ามาในร้านเราให้ได้ บางร้านก็จะใช้แสง สี ที่ตกแต่งภายในร้าน บางร้านก็จะใช้การออกแบบลวดลายแนวเส้นที่ทำให้คนอยากเดินเข้าไปตามเส้นทางนั้น ๆ ส่วนที่ยากสักหน่อยก็คือ เจ้าของร้านส่วนใหญ่เปิดร้านแล้วก็จะกังวลเรื่องของหายมากเสียจนต้องปิดประตูหน้าร้านไว้ตลอดเวลา แล้วลูกค้าสักกี่คนล่ะครับที่จะกล้าผลักประตูเข้าไปดูสินค้าภายในร้าน ภัตตาคารบางแห่งจัดพนักงานต้อนรับไว้ที่หน้าร้านหลายคนแต่ไม่ทราบว่าอบรมกันมาอย่างไร หน้าบูดตลอดเวลา อย่างนี้ก็คงไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปใกล้ร้านเหมือนกัน กลัวจะโดนลูกหลงเอาด้วย หรือบางร้านก็ออกมาเรียกลูกค้ากันมากเกินไปทำให้ลูกค้าไม่กล้าเดินเข้าไปก็มี (คงกลัวโดนรุมเอามั่ง)

คราวนี้มาดูเรื่องการตั้งราคาให้เหมาะสม ราคาเท่าไหร่ล่ะครับที่ว่าเหมาะสม เราว่าก๋วยเตี๋ยวชามละยี่สิบบาทเหมาะสมแล้วครับ แต่ร้านอื่น ๆ ที่ขายกันอยู่บริเวณใกล้เคียงเขาขายกันชามละสิบห้าบาท เราจะยืนยันราคาขายยี่สิบบาทก็คงยากเหมือนกันนะครับ ลดปริมาณลงหน่อยแล้วขายราคาใกล้เคียงหรือเท่า ๆ กับร้านอื่น ๆ จะดีกว่า แต่ถ้าร้านของเราไปขายอยู่ร้านเดียวไม่มีคู่แข่งแล้วยังเป็นของจำเป็นอีก เรื่องขายราคาถูกก็คงข้ามไปได้เลยครับ โดยเฉพาะร้านค้าบางประเภทที่ลูกค้าแทบไม่เคยมีใครต่อราคาเลย เช่น คลีนิกรักษาโรคต่าง ๆ หรือร้านขายยา เป็นต้น มีใครบ้างไหมที่เดินเข้าไปในร้านขายยาแล้วขอซื้อยาแก้ปวดแบบเดียวกับถามซื้อรองเท้าแตะแถวประตูน้ำ “พารา โหลเท่าไหร่ครับ ลดหน่อยได้มั่ย ขาดตัวเท่าไหร่นี่?” อันที่จริงแล้วลองถามได้นะครับ แล้วทางร้านหลายแห่งก็ลดให้คุณด้วย ขอให้กล้าเถอะ ประหยัดเงินได้เยอะเลยนะครับ